ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด (Apperception)
ทิศนา แขมมณี (2553:
48-50) ได้รวบรวมทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิดไว้ดังนี้ ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด
(Appereption หรือ Herbartianism) นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ จอห์น ล็อค (John Locke) วิลเฮล์ม วุนด์ (Wilhelm
Wundt) ทิชชเนอร์ (Titchener) และแฮร์บาร์ต (Herbart) ซึ่งมีความเชื่อดังนี้
(Bigge , 1964 : 33-47)
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1) มนุษย์เกิดมาไม่มีความดีความเลวในตัวเอง
การเรียนรู้เกิดได้จากแรงกระตุ้นภายนอก หรือสิ่งแวดล้อม (neutral -
passive)
2) จอห์น ล็อค
เชื่อว่าคนเราเกิดมาพร้อมกับจิตและสมองที่ว่างเปล่า (tabula rasa) การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 การส่งเสริมให้บุคคลมีประสบการณ์มากๆ ในหลายๆทาง
จึงเป็นการช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้
3) วุนด์
เชื่อว่าจิตมีองค์ประกอบ 2 ส่วนคือ การสัมผัสทั้ง 5
(sensation) และการรู้สึก (feeling) คือการตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส
4) ทิชเชเนอร์มีความเห็นเช่นเดียวกับวุนด์
แต่ได้เพิ่มส่วนประกอบของจิตอีก 1 ส่วน ได้แก่ จิตนาการ (imagination)
5) แฮร์บาร์ต เชื่อว่าการเรียนรู้มี 3
ระดับ คือ ขั้นการเรียนรู้โดยประสาทสัมผัส (sense activity) ขั้นการจำความคิดเดิม
(memory charcterized) และขั้นการเกิดความคิดรวบยอดและความเข้าใจ
(conceptual thinking or understanding)
การเรียนรู้เกิดขึ้นจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 และสั่งสมประสบการณ์ หรือความรู้เหล่านี้ไว้
การเรียนรู้นี้จะขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆเมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์ความรู้เดิมเข้าด้วยกัน
(appercetion)
6) แฮร์บาร์ตเชื่อว่า
การสอนควรเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียนเสียก่อนแล้วจึงเสนอความรู้ใหม่
ต่อไปควรจะช่วยให้ผู้เรียนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
จนได้ข้อสรุปที่ต้องการแล้วจึงให้ผู้เรียนนำข้อสรุปที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับปัญหาหรือสถานการณ์ใหม่
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1) การจัดให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
2) การช่วยให้ผู้เรียนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเป็นอย่างดี
3) การสอนโดยดำเนินการตาม 5 ขั้นตอนของแฮร์บาร์ต จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีและรวดเร็ว
ขั้นตอนดังกล่าวคือ
3.1 ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ (preparation) ได้แก่
การเร้าความสนใจของผู้เรียนและการทบทวนความรู้เดิม
3.2 ขั้นเสนอ (presentation) ได้แก่ การเสนอความรู้ใหม่
3.3 ขั้นการสัมพันธ์ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ (comparison and
abstraction) ได้แก่
การขยายความรู้เดิมให้กว้างออกไป โดยสัมพันธ์ความรู้เดิมให้กว้างออกไป
โดยสัมพันธ์ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การเปรียบเทียบ
การผสมผสาน ฯลฯ ทำให้ได้ข้อเท็จจริงใหม่ที่สัมพันธ์กับประสบการณ์เดิม
3.4 ขั้นสรุป (generalization) ได้แก่
การสรุปการเรียนรู้เป็นหลักการหรือกฎต่างๆ
ที่สามารถจะนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาหรือสถานการณ์อื่นๆต่อไป
3.5
ขั้นประยุกต์ใช้ (application) ได้แก่
การให้ผู้เรียนนำข้อสรุปหรือการเรียนรู้ที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่ๆที่ไม่เหมือนเดิม
สยุมพร
ศรีมุงคุณ (https://www.gotoknow.org/posts/341272) ได้กล่าวถึงทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด
(Apperception)
ไว้ว่า การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม (neutral
- passive) การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 (sensation) และความรู้สึก
(feeling) คือ
การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัสการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
เลิศชาย
ปานมุข (http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=2874.0;wap2) ได้กล่าวถึงทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด
(Apperception) ไว้ว่า การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม
(neutral - passive) การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 (sensation) และความรู้สึก
(feeling) คือ การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส
สรุป
ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด
เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากแรงกระตุ้นายนอกหรือสิ่งแวดล้อม
การจักการเรียนการสอนตามทฤษฎีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง
5
และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้เป็นอย่างดีแลหลักการสอนที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้ได้ดีและรวดเร็วนั้นควรดำเนินการการจัดเรียนการสอนตามขั้นของแฮร์บาร์ต
ดังนี้
1. ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ
(preparation)
ได้แก่ การเร้าความสนใจของผู้เรียนและการทบทวนความรู้เดิม
2. ขั้นเสนอ
(presentation)
ได้แก่ การเสนอความรู้ใหม่
3. ขั้นการสัมพันธ์ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
(comparison
and abstraction) ได้แก่
การขยายความรู้เดิมให้กว้างออกไป โดยสัมพันธ์ความรู้เดิมให้กว้างออกไป
โดยสัมพันธ์ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การเปรียบเทียบ
การผสมผสาน ฯลฯ ทำให้ได้ข้อเท็จจริงใหม่ที่สัมพันธ์กับประสบการณ์เดิม
4. ขั้นสรุป
(generalization)
ได้แก่ การสรุปการเรียนรู้เป็นหลักการหรือกฎต่างๆ ที่สามารถจะนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาหรือสถานการณ์อื่นๆต่อไป
5. ขั้นประยุกต์ใช้
(application)
ได้แก่
การให้ผู้เรียนนำข้อสรุปหรือการเรียนรู้ที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่ๆที่ไม่เหมือนเดิม
ที่มา
ทิศนา
แขมมณี. (2553). ศาสตร์การสอน :
องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่
12). กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์.
เลิศชาย
ปานมุข. http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=2874.0;wap2.[Online] เข้าถึงเมื่อ 19 กรกฎาคม 2561.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น